ความท้าทาย
องค์กรหลายแห่งกำลังเผชิญกับปัญหาการใช้ทรัพยากรเกินความจำเป็น (Overcapacity) ซึ่งนำไปสู่:
- การใช้พลังงานและทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง เช่น เครื่องจักรที่เดินเต็มกำลัง 100% ทั้งที่ภาระงานต้องการเพียง 20%
- การลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่เกินความจำเป็น ทำให้สิ้นเปลืองทั้งต้นทุนและทรัพยากร
- การขาดระบบบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ในการควบคุมการใช้ทรัพยากรให้เหมาะสม
- การพลาดโอกาสในการร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูง
สาเหตุของปัญหา
ปัญหาเหล่านี้เกิดจากองค์กรยังไม่ได้มองเห็นโอกาสในการนำแนวคิดสำคัญมาประยุกต์ใช้:
- ขาดการมองเชิงรุก ในการค้นหาวิธีลดการใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง
- ไม่ได้มองหาผลลัพธ์คู่ขนาน ที่จะเกิดจากการจัดการการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
- ขาดการออกแบบกระบวนการ ที่ปรับการใช้ทรัพยากรให้สอดคล้องกับความต้องการที่แท้จริง
- ไม่ได้ใช้แนวคิดผู้ประกอบการ ในการแสวงหาโอกาสทางธุรกิจจากการเพิ่มประสิทธิภาพ
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเมื่อมีการสร้างคุณค่าร่วม
ผลลัพธ์ทางธุรกิจ:
-
ลดต้นทุนการดำเนินงานจากการใช้พลังงานและทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
-
ลดค่าใช้จ่ายในการลงทุนเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่เกินความจำเป็น
-
เพิ่มความยั่งยืนทางการเงินในระยะยาวจากการบริหารทรัพยากรที่ดีขึ้น
-
สร้างภาพลักษณ์องค์กรที่มีความรับผิดชอบ เพิ่มความเชื่อมั่นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
-
พัฒนานวัตกรรมด้านการเพิ่มประสิทธิภาพที่สามารถขยายผลสู่ธุรกิจอื่น
ผลลัพธ์ทางสังคม:
วิธีการสร้างคุณค่าร่วมกับที่ปรึกษาดิบ
ที่ปรึกษาดิบพร้อมช่วยองค์กรของคุณในการสร้างคุณค่าร่วมทางสิ่งแวดล้อมผ่าน 3 ขั้นตอนหลัก:
1
Feasibility
เราวิเคราะห์การใช้ทรัพยากรปัจจุบันขององค์กรและระบุจุดที่มีการใช้งานเกินความจำเป็น โดยประเมินทั้งต้นทุนทางการเงินและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อค้นหาโอกาสในการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพอย่างเป็นรูปธรรม
2
Design
ออกแบบระบบการบริหารจัดการทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพ โดยประยุกต์ใช้หลักการลีน (Lean) (IoT) ความคิดสร้างสรรค์ และการผลิตที่ยั่งยืน พร้อมกำหนดตัวชี้วัดประสิทธิภาพที่ชัดเจนทั้งด้านการใช้ทรัพยากรและผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม
3
Implementation
นำระบบที่ออกแบบไว้ไปปฏิบัติโดยพัฒนาเทคโนโลยีและกระบวนการที่ช่วยปรับการใช้ทรัพยากรให้เหมาะสมกับความต้องการจริง สร้างความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญและพันธมิตรในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ และติดตามประเมินผลอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ
กรณีตัวอย่าง : โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพหม้อผสมเครื่องปรุงรสที่โรงงานระยอง
1. Feasibility (การศึกษาความเป็นไปได้)
ที่ปรึกษาดิบออกแบบโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในกระบวนการผลิต โดย:
เสนอแนวทางการติดตั้งหม้อผสมเครื่องปรุงขนาด 300 กิโลกรัม เพื่อใช้ในการผลิตที่มีปริมาณต่ำกว่า 80 กิโลกรัม
ออกแบบระบบควบคุมการเลือกใช้หม้อผสมให้เหมาะสมกับปริมาณการผลิตในแต่ละครั้ง
พัฒนาตัวชี้วัดประสิทธิภาพ (KPIs) สำหรับติดตามผลการประหยัดพลังงานและต้นทุนการผลิต
วางแผนการฝึกอบรมพนักงานให้ตระหนักถึงความสำคัญของการใช้ทรัพยากรอย่างเหมาะสม
กำหนดระบบการรายงานและติดตามผลเพื่อให้เกิดการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
2. Design (การออกแบบโครงการ)
ที่ปรึกษาดิบออกแบบโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในกระบวนการผลิต โดย:
เสนอแนวทางการติดตั้งหม้อผสมเครื่องปรุงขนาด 300 กิโลกรัม เพื่อใช้ในการผลิตที่มีปริมาณต่ำกว่า 80 กิโลกรัม
ออกแบบระบบควบคุมการเลือกใช้หม้อผสมให้เหมาะสมกับปริมาณการผลิตในแต่ละครั้ง
พัฒนาตัวชี้วัดประสิทธิภาพ (KPIs) สำหรับติดตามผลการประหยัดพลังงานและต้นทุนการผลิต
กำหนดระบบการรายงานและติดตามผลเพื่อให้เกิดการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
3. Implementation (การดำเนินการ)
ในขั้นตอนการดำเนินงาน ที่ปรึกษาดิบ:
ร่วมกับทีมวิศวกรของโรงงานในการติดตั้งหม้อผสมเครื่องปรุงขนาด 300 กิโลกรัม
จัดทำคู่มือและฝึกอบรมผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการเลือกใช้หม้อผสมให้เหมาะสมกับปริมาณการผลิต
ติดตั้งระบบตรวจวัดการใช้พลังงานเพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพก่อนและหลังการปรับปรุง
นำผลที่ได้มาวิเคราะห์และปรับปรุงกระบวนการอย่างต่อเนื่อง
ขยายผลแนวคิดการปรับขนาดเครื่องจักรให้เหมาะสมไปยังกระบวนการอื่นๆ ในโรงงาน
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
















