ความท้าทาย
องค์กรหลายแห่งมักมองข้ามโอกาสในการนำทรัพยากรที่มีอยู่แล้วมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด หรือไม่ได้ปรับเปลี่ยนกระบวนการโดยที่ยังคงรักษาทิศทางองค์กรไว้ได้ ทั้งที่การปรับเปลี่ยนเหล่านี้สามารถสร้างโอกาสในการแสดงความมุ่งมั่นและลดความเสี่ยงด้านสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สาเหตุของปัญหา
ความท้าทายเหล่านี้เกิดจากการที่องค์กรยังไม่ได้นำแนวคิดสำคัญมาประยุกต์ใช้อย่างเต็มที่:
- ขาดความกล้าหาญ ในการริเริ่มโครงการที่สร้างผลกระทบทางสังคม
- ไม่ได้มองหาผลลัพธ์คู่ขนาน ที่สร้างประโยชน์ทั้งต่อธุรกิจและสังคมไปพร้อมกัน
- ขาดการออกแบบกระบวนการ ที่เป็นระบบและยั่งยืน
- ไม่ได้นำแนวคิดผู้ประกอบการ มาประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาสังคม
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเมื่อมีการสร้างคุณค่าร่วม
ผลลัพธ์ทางธุรกิจ:
ผลลัพธ์ทางสังคม:
วิธีการสร้างคุณค่าร่วมกับที่ปรึกษาดิบ
ที่ปรึกษาดิบพร้อมช่วยองค์กรของคุณในการสร้างคุณค่าร่วมทางสังคมผ่าน 3 ขั้นตอนหลัก:
1
Feasibility
เราวิเคราะห์ศักยภาพขององค์กรและช่องว่างทางสังคมที่สามารถเติมเต็มได้ โดยค้นหาจุดตัดระหว่างความสามารถหลักขององค์กรกับความต้องการของสังคม เพื่อระบุโอกาสในการสร้างคุณค่าร่วมที่มีความเป็นไปได้และสอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กร
2
Design
ออกแบบโครงการและกระบวนการที่สร้างผลลัพธ์คู่ขนาน โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมในการพัฒนาโมเดลที่นำทรัพยากรขององค์กรมาสร้างผลกระทบทางสังคมอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จที่ชัดเจนทั้งในมิติธุรกิจและสังคม
3
Implementation
นำแผนงานไปปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ติดตามผล และปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนทั้งต่อองค์กรและสังคม โดยสร้างการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนและถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อให้องค์กรสามารถดำเนินการต่อได้ด้วยตนเองในระยะยาว
กรณีตัวอย่าง: โครงการสร้างคุณค่าร่วมด้านการจ้างงานผู้พิการ
1. Feasibility (การศึกษาความเป็นไปได้)
ที่ปรึกษาดิบดำเนินการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของโครงการ โดย:
ศึกษาข้อกำหนดของมาตรา 35 โดยละเอียดเพื่อเข้าใจทางเลือกในการปฏิบัติตามกฎหมาย
วิเคราะห์ศักยภาพขององค์กรในการจ้างงานผู้พิการโดยตรง เทียบกับการสนับสนุนธุรกิจของผู้พิการ
ลงพื้นที่สำรวจชุมชนผู้พิการในจังหวัดต่างๆ เพื่อประเมินทักษะ ความต้องการ และอุปสรรคที่ผู้พิการเผชิญ
ประเมินความเป็นไปได้ในการพัฒนาโครงการธุรกิจที่ผู้พิการสามารถบริหารจัดการได้ด้วยตนเอง
คำนวณเปรียบเทียบต้นทุนระหว่างการจ่ายเงินเข้ากองทุนฯ การจ้างงานโดยตรง และการสนับสนุนอาชีพตามมาตรา 35
จากการศึกษาพบว่า การสนับสนุนผู้พิการให้ประกอบอาชีพอิสระในท้องถิ่นของตนเป็นทางเลือกที่สร้างคุณค่าร่วมได้มากที่สุด
ศึกษาข้อกำหนดของมาตรา 35 โดยละเอียดเพื่อเข้าใจทางเลือกในการปฏิบัติตามกฎหมาย
วิเคราะห์ศักยภาพขององค์กรในการจ้างงานผู้พิการโดยตรง เทียบกับการสนับสนุนธุรกิจของผู้พิการ
ลงพื้นที่สำรวจชุมชนผู้พิการในจังหวัดต่างๆ เพื่อประเมินทักษะ ความต้องการ และอุปสรรคที่ผู้พิการเผชิญ
ประเมินความเป็นไปได้ในการพัฒนาโครงการธุรกิจที่ผู้พิการสามารถบริหารจัดการได้ด้วยตนเอง
คำนวณเปรียบเทียบต้นทุนระหว่างการจ่ายเงินเข้ากองทุนฯ การจ้างงานโดยตรง และการสนับสนุนอาชีพตามมาตรา 35
จากการศึกษาพบว่า การสนับสนุนผู้พิการให้ประกอบอาชีพอิสระในท้องถิ่นของตนเป็นทางเลือกที่สร้างคุณค่าร่วมได้มากที่สุด
2. Design (การออกแบบโครงการ)
ที่ปรึกษาดิบออกแบบโครงการสร้างคุณค่าร่วมเพื่อส่งเสริมอาชีพผู้พิการ โดย:
พัฒนาโมเดลธุรกิจที่เหมาะสมกับความสามารถของผู้พิการในแต่ละพื้นที่ โดยคำนึงถึงประเภทความพิการและบริบทท้องถิ่น
ออกแบบหลักสูตรการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะที่จำเป็นในการประกอบอาชีพ ทั้งด้านการผลิต การบริหารจัดการ และการตลาด
วางระบบการสนับสนุนและติดตามผลที่ยั่งยืน ผ่านพี่เลี้ยงและเครือข่ายในพื้นที่
กำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จทั้งด้านการปฏิบัติตามกฎหมาย ด้านธุรกิจ และด้านผลกระทบทางสังคม
วางแผนการสื่อสารทั้งภายในและภายนอกองค์กร เพื่อสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วม
พัฒนาโมเดลธุรกิจที่เหมาะสมกับความสามารถของผู้พิการในแต่ละพื้นที่ โดยคำนึงถึงประเภทความพิการและบริบทท้องถิ่น
ออกแบบหลักสูตรการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะที่จำเป็นในการประกอบอาชีพ ทั้งด้านการผลิต การบริหารจัดการ และการตลาด
วางระบบการสนับสนุนและติดตามผลที่ยั่งยืน ผ่านพี่เลี้ยงและเครือข่ายในพื้นที่
กำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จทั้งด้านการปฏิบัติตามกฎหมาย ด้านธุรกิจ และด้านผลกระทบทางสังคม
วางแผนการสื่อสารทั้งภายในและภายนอกองค์กร เพื่อสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วม
3. Implementation (การดำเนินการ)
ที่ปรึกษาดิบร่วมกับบริษัทดำเนินการ:
จัดตั้งศูนย์ประสานงานในพื้นที่เป้าหมาย และทีมงานสนับสนุนจากส่วนกลาง
คัดเลือกและฝึกอบรมผู้พิการที่มีความพร้อมและสนใจเข้าร่วมโครงการ
จัดหาวัสดุอุปกรณ์และเงินทุนเริ่มต้นสำหรับการประกอบอาชีพ
พัฒนาช่องทางการจำหน่ายสินค้าและบริการ ทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์
จัดระบบการรวมกลุ่มผู้พิการเป็นเครือข่ายเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์
ติดตามและประเมินผลความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมให้คำปรึกษาและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
พัฒนากลไกให้โครงการสามารถดำเนินการได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยลดการพึ่งพาจากบริษัทลงทีละน้อย
จัดตั้งศูนย์ประสานงานในพื้นที่เป้าหมาย และทีมงานสนับสนุนจากส่วนกลาง
คัดเลือกและฝึกอบรมผู้พิการที่มีความพร้อมและสนใจเข้าร่วมโครงการ
จัดหาวัสดุอุปกรณ์และเงินทุนเริ่มต้นสำหรับการประกอบอาชีพ
พัฒนาช่องทางการจำหน่ายสินค้าและบริการ ทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์
จัดระบบการรวมกลุ่มผู้พิการเป็นเครือข่ายเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์
ติดตามและประเมินผลความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมให้คำปรึกษาและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
พัฒนากลไกให้โครงการสามารถดำเนินการได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยลดการพึ่งพาจากบริษัทลงทีละน้อย
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
ผลลัพธ์ทางธุรกิจ:
บริษัทสามารถปฏิบัติตามมาตรา 35 ได้อย่างครบถ้วน โดยไม่ต้องจ่ายเงินเข้ากองทุนฯ ส่งผลให้ประหยัดต้นทุนในการดำเนินงาน
ภาพลักษณ์ขององค์กรได้รับการยกระดับในฐานะผู้นำด้านความรับผิดชอบต่อสังคม สร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด
พนักงานมีความภาคภูมิใจในองค์กรและมีส่วนร่วมในการสนับสนุนโครงการ ส่งผลให้ความผูกพันต่อองค์กรเพิ่มสูงขึ้น
สร้างโอกาสในการพัฒนาตลาดใหม่ผ่านเครือข่ายผู้พิการในพื้นที่ต่างๆ
ภาพลักษณ์ขององค์กรได้รับการยกระดับในฐานะผู้นำด้านความรับผิดชอบต่อสังคม สร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด
พนักงานมีความภาคภูมิใจในองค์กรและมีส่วนร่วมในการสนับสนุนโครงการ ส่งผลให้ความผูกพันต่อองค์กรเพิ่มสูงขึ้น
สร้างโอกาสในการพัฒนาตลาดใหม่ผ่านเครือข่ายผู้พิการในพื้นที่ต่างๆ
ผลลัพธ์ทางสังคม:
ผู้พิการกว่า 160 คนได้รับโอกาสทางอาชีพที่มั่นคง สามารถพึ่งพาตนเองได้ในระยะยาว
รายได้ที่เพิ่มขึ้นของผู้พิการช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของทั้งตนเองและครอบครัว
ผู้พิการได้รับการพัฒนาทักษะที่หลากหลาย ทั้งด้านการผลิต การบริหารจัดการ และการตลาด
ชุมชนเกิดการยอมรับในศักยภาพของผู้พิการมากขึ้น ลดทัศนคติเชิงลบและการตีตรา
ช่องว่างทางสังคมและเศรษฐกิจระหว่างผู้พิการและคนทั่วไปลดลง สร้างสังคมที่เท่าเทียมมากขึ้น
รายได้ที่เพิ่มขึ้นของผู้พิการช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของทั้งตนเองและครอบครัว
ผู้พิการได้รับการพัฒนาทักษะที่หลากหลาย ทั้งด้านการผลิต การบริหารจัดการ และการตลาด
ชุมชนเกิดการยอมรับในศักยภาพของผู้พิการมากขึ้น ลดทัศนคติเชิงลบและการตีตรา
ช่องว่างทางสังคมและเศรษฐกิจระหว่างผู้พิการและคนทั่วไปลดลง สร้างสังคมที่เท่าเทียมมากขึ้น
















